ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีแก้ปัญหายอดนิยมสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ขอบตาดำ ตาลึก และถุงใต้ตา ปัญหาเหล่านี้ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส หมอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อเพิ่มความเรียบเนียน ลดร่องลึก และคืนความสดใสให้ใบหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน คำถามที่พบบ่อยคือช่วยได้จริงหรือไม่ อันตรายไหม ราคาเท่าไหร่ และควรเลือกยี่ห้อใด บทความนี้จะช่วยตอบทุกข้อสงสัยให้คุณได้ครับ
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในวงการแพทย์ผิวหนังและเวชศาสตร์ความงาม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้สารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักคือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิวหนัง
ทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
ผิวบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบางและมีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงตามวัย เช่น การสูญเสียเนื้อเยื่อและคอลลาเจน การยุบตัวของผิวหนังใต้ตา และการเกิดร่องลึก ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและมีอายุเพิ่มขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยช่วยทดแทนเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่สลายไป ทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น เติมเต็มบริเวณที่ยุบตัวให้กลับมาเต่งตึงและสดใสอีกครั้ง
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังสามารถช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่น ลดความหมองคล้ำใต้ตา ช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานอกจากจะต้องคำนึงถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามความคาดหวังและปลอดภัยสูงสุด
ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใด ?
ปัญหาใต้ตาเป็นหนึ่งในปัญหาด้านความงามและสุขภาพที่พบบ่อยในทุกเพศและทุกวัย สาเหตุของปัญหาใต้ตานั้นมีหลากหลายและสามารถแบ่งออกได้เป็นปัจจัยทางกายภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้
- ความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
- ระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ไขมันและของเหลวสะสมบริเวณผิวหนังใต้ตา ส่งผลให้เกิดอาการบวม หรือนูน
- โครงสร้างผิวหนังบริเวณใต้ตา
- ผิวหนังใต้ตามีความบางและไวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้การสะสมของของเหลวและไขมันเด่นชัดมากขึ้น
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
- การขยี้ตา หรือการร้องไห้บ่อยครั้ง
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้สายตาอย่างหนัก
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- การรับประทานอาหารรสเค็มจัด ทำให้เกิดการกักเก็บของเหลวในร่างกาย
- ปัญหาจากการแพ้สารหรือสิ่งแวดล้อม
- การแพ้สารบางชนิด เช่น ฝุ่นละอองหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
- การอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณใต้ตา
วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ริ้วรอย
ปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยรอบดวงตา สามารถแก้ไขได้ด้วยหลากหลายวิธี ทั้งการดูแลตนเองและการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้
- หาสาเหตุที่แท้จริง การวินิจฉัยสาเหตุ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือโรคภูมิแพ้ ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตาและเพิ่มความสดใสให้ใบหน้า
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ารฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ยุบตัว ทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดถุงใต้ตาและทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ฉีดเมโสลดใต้ตาดำ การฉีดเมโสช่วยลดเม็ดสีส่วนเกินบริเวณใต้ตาและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- ใช้อายครีมช่วยฟื้นบำรุง การใช้อายครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน C หรือเปปไทด์ช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย
- แต่งหน้าและประคบเย็น ใช้คอนซีลเลอร์แต่งหน้าปกปิดรอยคล้ำใต้ตา หรือประคบเย็นช่วยลดอาการบวม
- นวดกระตุ้นการไหลเวียน การนวดเบา ๆ รอบดวงตาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการสะสมของของเหลว
- พอกสมุนไพรธรรมชาติ การใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น แตงกวา หรือชาเขียว สามารถลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างอ่อนโยน
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาหลากหลายด้านเกี่ยวกับความงามและโครงสร้างใต้ตาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา
- ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อในบริเวณฐานกระดูกใต้ตาและทดแทนไขมันที่สูญเสียไปตามวัย ส่งผลให้ร่องน้ำตาและร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากยิ่งขึ้น
- ลดความคล้ำใต้ตา
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยยกชั้นผิวให้ห่างจากหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำใต้ตา ช่วยปรับสีผิวบริเวณใต้ตาให้สว่างใสและมีสุขภาพดี
- แก้ปัญหาตาลึกโหล
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาตาลึกโหล การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มพื้นที่บริเวณใต้ตาและด้านบนตาเพื่อคืนความสมดุลของโครงสร้างใบหน้า
- ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- ฟิลเลอร์ช่วยคืนความเต่งตึงให้กับผิวใต้ตาที่เหี่ยวย่นและยุบตัว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมัน
- ลดถุงใต้ตา
- การเติมฟิลเลอร์ช่วยปรับสมดุลของเนื้อเยื่อใต้ตา ทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลงและช่วยเสริมความกระชับให้แก่ผิว
วิธีการทำงานของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับใต้ตาส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสามารถจับกับน้ำในชั้นผิวได้ดี ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เต่งตึง และเป็นธรรมชาติ เพระาในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เพียงช่วยเสริมความงาม แต่ยังช่วยคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาอย่างแท้จริง
ถุงใต้ตาแบบไหนไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการยอดนิยมในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยใต้ตา อย่างไรก็ตาม มีลักษณะของถุงใต้ตาบางประเภทที่ไม่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งได้แก่
- ถุงใต้ตาที่มีลักษณะบวมจากไขมันส่วนเกินมาก
- ในกรณีที่มีการสะสมของไขมันใต้ตามากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้บริเวณใต้ตาดูบวมมากขึ้น และอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ในกรณีนี้ การผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตาอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
- ถุงใต้ตาที่เกิดจากการคั่งของน้ำเหลือง
- หากถุงใต้ตาเกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง การฉีดฟิลเลอร์อาจไม่ช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากต้นเหตุเป็นปัญหาภายในระบบการไหลเวียน
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากอาการแพ้หรืออักเสบ
- หากใต้ตาบวมแดงหรืออักเสบจากอาการแพ้หรือการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์จนกว่าปัญหาจะได้รับการรักษา
- ถุงใต้ตาในผู้ที่มีโครงสร้างกระดูกไม่สมดุล
- หากโครงสร้างกระดูกบริเวณเบ้าตาไม่สมดุล เช่น เบ้าตาตื้น การฉีดฟิลเลอร์อาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะแก่ใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการแก้ปัญหายอดนิยมในด้านความงามและการปรับโครงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะปัญหาดังต่อไปนี้
- ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยใต้ตา ผู้ที่มีร่องลึกหรือริ้วรอยที่เห็นได้ชัด การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มชั้นผิวหนังใต้ตาให้ดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
- ถุงใต้ตาและขอบตาดำ สำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาหรือน้ำเหลืองคั่งที่ทำให้เกิดขอบตาดำ ฟิลเลอร์สามารถยกผิวและช่วยลดการมองเห็นความคล้ำได้
- ตาลึกและตาโหล ผู้ที่มีลักษณะเบ้าตาลึกหรือตาโหล ฟิลเลอร์จะช่วยเติมฐานกระดูกและทดแทนไขมันที่สูญเสียไป
- ไม่อยากเจ็บตัวหรือผ่าตัด หมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องเสี่ยงการผ่าตัดหรือพักฟื้นยาวนาน
- ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลทันที การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาเพียงไม่นานและสามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นหัตถการทางความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “ปลอดภัยหรือไม่?”
ความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากเลือกใช้ ฟิลเลอร์ของแท้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น ผ่านอย. และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมาก คลินิกที่เลือกใช้ต้องมีความน่าเชื่อถือ พร้อมอุปกรณ์ที่สะอาดและได้มาตรฐาน อีกทั้งการฉีดต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะไปอุดตันเส้นเลือด ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
อย่างไรก็ตาม หากฉีดกับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือฟิลเลอร์ไหลไปยังตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม กรณีร้ายแรงอาจเกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดบริเวณรอบดวงตา
วิธีลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง
- เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง
- ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในเทคนิคการฉีด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา เลือกแบบไหนดี ?
การแก้ไขปัญหาใต้ตาให้ดูอ่อนเยาว์สามารถทำได้หลายวิธี โดยสองวิธีที่ได้รับความนิยมคือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และ การฉีดไขมันใต้ตา แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความรวดเร็วและผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดปัญหาใต้ตาคล้ำ และเพิ่มความเต่งตึงให้ผิวบริเวณใต้ตาอย่างเป็นธรรมชาติ ขั้นตอนการฉีดไม่ซับซ้อน ใช้เวลาสั้น และสามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ ทั้งนี้ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งสามารถแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ
การฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตาเป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือต้นขา มาฉีดเติมเต็มใต้ตา วิธีนี้มีข้อดีคือ ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม การฉีดไขมันมีความซับซ้อน ต้องผ่านขั้นตอนการดูดไขมันและเตรียมไขมันก่อนฉีด นอกจากนี้ ผลลัพธ์อาจไม่คงที่ เนื่องจากไขมันบางส่วนอาจสลายไปหลังการฉีด
สรุปแล้วเลือกแบบไหนดี? หากมองในแง่ของ ความรวดเร็ว คุ้มค่า และราคาไม่แพง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละวิธีตามลักษณะปัญหาและสภาพผิวของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดครับ
ฉีดดอลลี่อาย กับ ฟิลเลอร์ใต้ตา ต่างกันอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดดอลลี่อาย เป็นหัตถการที่แตกต่างกัน แม้จะอยู่ในบริเวณรอบดวงตาเหมือนกัน แต่มีจุดประสงค์และเทคนิคที่ต่างกัน
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เน้นแก้ไข ร่องใต้ตาลึก ความหมองคล้ำ และ ความหย่อนคล้อย ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มให้ร่องใต้ตาดูเรียบเนียน อิ่มฟู และสดใสขึ้น
- ดอลลี่อาย (Dolly Eye Filler) เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ขอบตาล่าง ใกล้แนวขนตา เพื่อสร้างมิติให้มีถุงใต้ตาเล็กๆ คล้ายกับตาของตุ๊กตา ทำให้ดวงตาดูโตขึ้น และใบหน้าดูเด็กลง
ข้อแตกต่างหลัก
- จุดฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาฉีดลึกในชั้นผิวใต้ตา ส่วนดอลลี่อายฉีดบริเวณขอบตาล่าง
- เป้าหมาย ฟิลเลอร์ใต้ตาเน้นแก้ปัญหาร่องลึก ส่วนดอลลี่อายเน้นเสริมให้ดวงตาดูแบ๊วและสดใส
- ปริมาณที่ใช้ ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความลึกของร่อง ส่วนดอลลี่อายใช้เพียง 0.5-1 cc ต่อข้าง
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาซึ่งมีผิวที่บางและอ่อนไหว ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและผ่านการรับรองจากอย. มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สำหรับการแก้ปัญหาใต้ตา เช่น ร่องลึก ถุงใต้ตา และใต้ตาคล้ำ โดยมียี่ห้อที่แนะนำดังนี้
1. Juvederm ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกาที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross เนื้อสัมผัสเรียบเนียน ฉีดง่าย
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Juvederm Volbella เหมาะสำหรับใต้ตาคล้ำและร่องตื้น
- Juvederm Volift เติมเต็มร่องลึกและให้ผิวดูอิ่มฟู
2. Restylane ฟิลเลอร์จากสวีเดน มีความยืดหยุ่นและกระจายตัวดี
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Restylane Vital Light เติมความชุ่มชื้นใต้ตา
- Restylane Lyft เหมาะสำหรับร่องลึกและยกกระชับ
3. Belotero ฟิลเลอร์จากเยอรมนีที่มีการกระจายตัวดี เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Belotero Balance เหมาะกับใต้ตาผิวบาง
- Belotero Soft ช่วยเติมเต็มร่องเล็ก
4. Neuramis ฟิลเลอร์จากเกาหลี ราคาประหยัด คุณภาพดี
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Neuramis Deep เหมาะสำหรับร่องลึกใต้ตา
- Neuramis Light เติมความชุ่มชื้น
5. E.P.T.Q. ฟิลเลอร์จากเกาหลีที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความคงตัวที่ดีและกระจายตัวได้อย่างเหมาะสม
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- 300 เนื้อสัมผัสบางเบา ใช้สำหรับบริเวณใต้ตา
- S500 เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก
6. Flore ฟิลเลอร์จากเกาหลีที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยและเนื้อฟิลเลอร์ที่ละเอียด
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Flore Soft เติมเต็มผิวใต้ตาให้เรียบเนียน
- Flore Ultra ใช้สำหรับการแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือร่องลึก
7. Definisse ฟิลเลอร์รุ่นใหม่จากเกาหลีที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มความยืดหยุ่นสูง
- รุ่นแนะนำสำหรับใต้ตา
- Definisse Classic เหมาะสำหรับร่องลึกและผิวที่หย่อนคล้อย
- Definisse Light สำหรับใต้ตาคล้ำและผิวบาง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ถึงเห็นผล ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาร่องลึก ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณ 0.5-1 CC ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องและสภาพผิวของแต่ละบุคคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาและเลือกปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสมดุล หากร่องลึกมาก อาจต้องการปริมาณฟิลเลอร์เพิ่มขึ้น การเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ
ไขข้อสงสัยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันถึงเห็นผล อาการบวม เป็นก้อนเกิดจากอะไร ?
หลายๆ ท่านอาจจะมีความสงสัยว่าหลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว กี่วันถึงเห็นผล ? อาการบวม เป็นก้อนเกิดจากอะไร ? แล้วทำให้ตาบอดจริงหรือไม่ ? วันนี้รวมข้อมูลแนะนำให้ท่านได้อ่านเพื่อคลายข้อสงสัยกันครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ผู้รับบริการจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ทันที เนื่องจากฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องลึกและปรับผิวใต้ตาให้ดูเต่งตึงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะปรากฏภายใน 7-14 วัน หลังการฉีด เนื่องจากในช่วงเวลานี้ฟิลเลอร์จะเข้าที่และกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งอาการบวมเล็กน้อยหลังการฉีดจะลดลงตามธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาการบวมเป็นปฏิกิริยาปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปอาการบวมจะเริ่มลดลงภายใน 1-3 วัน และค่อยๆ หายสนิทภายใน 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เทคนิคการฉีด และประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน ?ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร ? แก้ไขได้ไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจทำให้เกิดอาการบวมเล็กน้อยซึ่งโดยปกติจะลดลงภายใน 1-3 วัน และหายสนิทภายใน 7 วัน หากดูแลตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ประคบเย็นและหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น
- การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
- เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
- ปฏิกิริยาของร่างกาย เช่น การกักเก็บน้ำในเนื้อเยื่อบริเวณฉีด
สามารถการแก้ไขได้ โดยการฉีดสารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินวิธีแก้ไขที่เหมาะสมตามปัญหาของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดจริงหรือ ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความเสี่ยงที่อาจทำให้ตาบอดได้หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดและกระแสเลือดนำสารเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดที่เชื่อมกับดวงตา อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ทำการฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และปฏิบัติตามเทคนิคที่ถูกต้อง
การป้องกันความเสี่ยง ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรอง และเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการประเมินโครงสร้างใบหน้าและหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยง นอกจากนี้ แพทย์จะต้องมีการตรวจสอบประวัติสุขภาพของคนไข้และใช้เทคนิคการฉีดอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน สรุปได้ว่าแม้ว่าความเสี่ยงของการตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์จะมี แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้มากหากเลือกสถานที่และแพทย์ที่เหมาะสม
การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวและดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่ควรปฏิบัติ
การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดรับประทานยาและอาหารเสริมบางชนิด หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนง่าย เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มโอกาสการเกิดรอยช้ำ ควรงดก่อนฉีดประมาณ 1 สัปดาห์
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือบวม
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ก่อนฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผิวหนัง
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลีกเลี่ยงความร้อนสูง งดการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนต่อผิวในบริเวณใต้ตาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หากมีอาการบวมเล็กน้อย ให้ใช้ผ้าสะอาดประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและส่งเสริมผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ควรรู้
การปฏิบัติตนหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้อย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยมีข้อห้ามที่ควรระวังดังนี้
- หลีกเลี่ยงการกดหรือนวดบริเวณใต้ตา ห้ามสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และผลกระทบต่อผลลัพธ์
- งดการสัมผัสความร้อนสูง หลีกเลี่ยงการซาวน่า การอบไอน้ำ หรือการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนโลหิต การออกกำลังกายหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ควรงดในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำและบวม
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง งดการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA หรือเรตินอลบริเวณใต้ตาในช่วง 3-5 วันแรก เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิว
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ TBL Clinic ดีอย่างไร ?
การเลือกสถานที่สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ TBL Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและความชำนาญสูง ทีมแพทย์ของเราได้รับการอบรมเฉพาะทาง มีประสบการณ์ในการประเมินและแก้ไขปัญหาใต้ตาอย่างตรงจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์คุณภาพสูง ที่ TBL Clinic เราเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย. เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยยังมีตัวเลือกยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของผู้รับบริการแต่ละคน
- การให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
- เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย เราใช้เทคนิคที่ทันสมัยและมีมาตรฐานสูง เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น การบวม หรือการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน
รีวิว ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ TBL Clinic