ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยปรับรูปปากให้ได้สัดส่วน เติมความอวบอิ่ม และแก้ไขปัญหาริมฝีปากไม่สมดุลหรือแห้งแตก สำหรับผู้ที่ฉีดครั้งแรกควรรู้ข้อมูลสำคัญ เช่น การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม หากคุณกำลังสนใจการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับรูปทรง เพิ่มความอวบอิ่ม หรือแก้ไขปัญหาริมฝีปาก ครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบครบครัน ทั้งเรื่องความปลอดภัย ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แนะนำ วิธีการดูแลหลังฉีด และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ อ่านต่อเพื่อเตรียมตัวอย่างมั่นใจก่อนเข้ารับบริการนะครับ
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ปาก คือ หัตถการเสริมความงามที่ใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แพทย์จะฉีดสารนี้เข้าสู่ริมฝีปากเพื่อเพิ่มเนื้อเยื่อและปรับโครงสร้างริมฝีปากให้ได้รูปทรงที่สมดุล อวบอิ่ม และดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ปากยังสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ริมฝีปากบน-ล่างไม่สมดุล ริมฝีปากแห้ง แตก เป็นร่อง หรือมีลักษณะลอกเป็นขุยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฉีดฟิลเลอร์ปากยังช่วยแก้ปัญหามุมปากตก ซึ่งมักทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือไม่สดใส เทคนิคการฉีดยกมุมปากจะช่วยปรับรูปทรงให้ดูยิ้มแย้มและอ่อนโยนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเติมเต็มผิวรอบริมฝีปากที่มีริ้วรอยเล็กๆ ให้ดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้น ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังการฉีด และเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณจะมั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแน่นอนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการเสริมความงามที่ช่วยแก้ไขและปรับปรุงรูปลักษณ์ของริมฝีปากได้อย่างหลากหลาย โดยมีข้อดีที่น่าสนใจ ดังนี้
- ปรับรูปทรงปากให้สวยงาม สำหรับผู้ที่มีเนื้อปากไม่สมดุลหรือรูปร่างปากไม่ชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ช่วยปรับแต่งให้ริมฝีปากดูมีทรงที่สวยงาม สมดุล และเข้ากับโครงหน้ามากขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากแห้ง แตก หรือมีร่องลึก ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณริมฝีปาก ทำให้ดูเนียนเรียบและมีสุขภาพดี
- ยกมุมปากตก ฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหามุมปากตกที่ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือไม่สดใส โดยการยกกระชับมุมปากให้ดูสดใสและอ่อนโยนขึ้น
- เติมเต็มริมฝีปากบาง สำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มเนื้อปากให้ดูอวบอิ่มและฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- เสริมลักษณะตามหลักโหงวเฮ้ง การปรับลักษณะริมฝีปากให้เหมาะสมกับโหงวเฮ้ง ช่วยเสริมความมั่นใจและเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ที่ต้องการปรับภาพลักษณ์
ทรงฉีดฟิลเลอร์ปาก มีแบบไหนบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นวิธีที่ช่วยปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูสวยงามและสมดุลกับใบหน้า โดยทรงปากที่ได้รับความนิยมมีหลากหลายแบบ ได้แก่
- ทรงปากอวบอิ่ม (Full Lips) เพิ่มความหนาให้ริมฝีปากดูอวบฟู เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง
- ทรงปากกระจับ (Cupid’s Bow) ปรับรูปทรงโค้งตรงกลางให้ชัดเจน ดูสวยหวานและมีเอกลักษณ์
- ทรงปากสายฝอ (Heart-Shaped) เน้นความอิ่มฟูบริเวณกลางริมฝีปากล่าง ให้ลุคเซ็กซี่และโดดเด่น
- ทรงปากธรรมชาติ (Natural Lips) เติมเต็มริมฝีปากให้ดูสมดุล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคเรียบง่าย
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงไหนดี ?
ฉีดปากกระจับ เหมาะกับใคร ?
ทรงปากกระจับเป็นทรงที่มีความโค้งเด่นชัดบริเวณกลางริมฝีปากบน (Cupid’s Bow) และเรียวเล็กลงบริเวณมุมปาก ให้ลุคที่ดูหวานละมุน มีเสน่ห์ และเป็นธรรมชาติ ทรงนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางหรือริมฝีปากบนไม่มีรูปทรงที่ชัดเจน และต้องการปรับให้ดูอ่อนโยนขึ้น
ผู้ที่มีโครงหน้าหวานหรือใบหน้ารูปไข่จะเหมาะกับทรงปากกระจับมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มความสมดุลและทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ทรงฉีดปากเกาหลี เหมาะกับใคร ?
ทรงปากเกาหลีเป็นทรงที่เน้นความเป็นธรรมชาติและเรียบหรู โดยมีลักษณะริมฝีปากบนและล่างสมดุลกัน ไม่มีความโค้งเว้าชัดเจนเหมือนทรงปากกระจับ แต่เพิ่มความอิ่มฟูเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าดูละมุน สดใส และอ่อนโยน ทรงนี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบลุคธรรมชาติหรือมีใบหน้าละเอียดอ่อน เช่น ใบหน้ารูปไข่หรือใบหน้าที่มีกรอบเรียวเล็ก นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการปรับริมฝีปากให้ดูอิ่มแต่ไม่โดดเด่นเกินไป เช่น ในลุคที่ดูเป็นธรรมชาติแบบสาวเกาหลี จะได้รับประโยชน์จากทรงปากนี้มากที่สุด
ทรงฉีดปากสายฝอ เหมาะกับใคร ?
ทรงปากสายฝอเน้นความอวบอิ่มและเซ็กซี่ มีลักษณะริมฝีปากล่างที่หนากว่าริมฝีปากบนเล็กน้อย พร้อมขอบปากที่คมชัด ริมฝีปากอวบอิ่ม สร้างความโดดเด่นให้กับรูปหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจและเสริมเสน่ห์ให้ดูน่าดึงดูด ทรงนี้เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าคมชัด โครงหน้าชัดเจน เช่น ใบหน้ารูปเพชรหรือรูปหัวใจ รวมถึงผู้ที่ต้องการเสริมความโดดเด่นของริมฝีปากให้เข้ากับการแต่งหน้าสายฝอหรือสไตล์การแต่งตัวที่เน้นความมั่นใจแบบตัวแม่ตัวมัม
ฉีดปากแต่ละทรง ต้องใช้กี่ CC ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากในแต่ละทรง เช่น ปากกระจับ ปากเกาหลี หรือปากสายฝอ จะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของทรงที่ต้องการและเนื้อปากของแต่ละบุคคล
- ปากกระจับ ใช้ประมาณ 0.5-1 CC เน้นเพิ่มความชัดเจนของขอบปากและความเป็นกระจับ
- ปากเกาหลี ใช้ประมาณ 1-1.5 CC เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
- ปากสายฝอ ใช้ประมาณ 1.5-2 CC เพื่อสร้างความอวบอิ่มและคมชัดให้ริมฝีปาก
เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ปากที่ TBL CLinic
ที่ TBL Clinic เราเน้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ตอบโจทย์ความสวยงามและความเหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มต้นด้วยการประเมินรูปทรงปากของคนไข้ พร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียดเพื่อปรับทรงปากให้เหมาะกับโครงหน้าและความต้องการของแต่ละบุคคล
หนึ่งในเทคนิคที่โดดเด่นคือ การฉีดยกมุมปาก ซึ่งช่วยปรับมุมปากที่ตกให้ดูยิ้มแย้ม สดใส และเสริมบุคลิกภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคนไข้มีเรฟทรงปากที่ต้องการ สามารถมั่นใจได้ว่าเราสามารถปรับแต่งให้ตรงตามเรฟด้วยความแม่นยำ โดยยังคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ การดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงของเรา ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกเคสจะได้รับผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และตรงตามความต้องการของคนไข้ทุกคนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ได้จริงหรอ ?
การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ถือได้ว่าเป็นเทคนิคที่สามารถทำได้จริง หากต้องการเพื่อปรับรูปทรงของมุมปากให้ดูยกขึ้น ลดลักษณะมุมปากตกที่อาจทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือมีอายุ ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) สามารถช่วยเติมเต็มและเสริมโครงสร้างผิวบริเวณรอบมุมปาก ทำให้รูปปากดูเป็นธรรมชาติและอ่อนเยาว์ขึ้น แต่ในการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคของใบหน้า เนื่องจากบริเวณมุมปากเป็นจุดที่มีเส้นประสาทและเส้นเลือดจำนวนมาก หากฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผิวหนังขาดเลือด หรืออาการบวมผิดปกติได้
ซึ่งสำหรับความเสี่ยงของการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากสามารถลดลงได้ หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งสามารถวิเคราะห์รูปหน้า เลือกตำแหน่งฉีดที่ปลอดภัย และใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากสามารถทำได้จริง แต่ก็เป็นจุดที่หมอขอแนะนำว่าต้องเลือกคุณหมอที่มีการฉีดเทคนิคเฉพาะตัว ที่สามารถยกมุมปากได้จริง เพราะสำหรับส่วนของมุมปากนั้นหากฉีดเนื้อฟิลเลอร์มากเกินไป ก็จะยิ่งทำให้ปากตก ปากห้อยได้ ดังนั้นเทคนิคการฉีดยกมุมปากที่ to beloved clinic มั่นใจได้เลยว่าได้ปากยิ้ม ปากไม่คว่ำแน่นอนครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงในวงการเสริมความงาม และโดยทั่วไปถือว่ามีความปลอดภัย หากปฏิบัติตามมาตรฐานที่ถูกต้องปัจจัยสำคัญที่ลดความเสี่ยงมาจากการเลือกฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย. ซึ่งมักประกอบด้วยสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
อันตรายที่อาจเกิดขึ้น มักเกี่ยวข้องกับการเลือกสถานพยาบาลหรือผู้ให้บริการที่ขาดความเชี่ยวชาญ เช่น การใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ การบวมแดง หรือในกรณีร้ายแรงคือการอุดตันเส้นเลือด เพื่อความปลอดภัยควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด ด้วยแนวทางนี้ความเสี่ยงจะลดลง และคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึ่งพอใจแน่นอนครับ
ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปรับรูปทรงและเพิ่มความอิ่มเอิบ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองและเหมาะสมกับปัญหาหรือความต้องการของแต่ละบุคคล ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสำหรับริมฝีปากมีดังนี้
- Belotero Revive ฟิลเลอร์จากเยอรมนี เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับปากแห้งและต้องการฟื้นฟู
- Restylane Kysse ฟิลเลอร์จากสวีเดน ออกแบบมาเฉพาะสำหรับริมฝีปาก ให้ความยืดหยุ่นและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา มีเทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ช่วยให้ริมฝีปากดูอิ่มฟูแต่ไม่แข็ง
- Neuramis Deep ฟิลเลอร์จากเกาหลี คุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า ช่วยเติมเต็มและปรับทรงปากให้ชัดเจน
- Neauvia Stimulate ฟิลเลอร์จากอิตาลี มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับปากที่เริ่มมีริ้วรอย
- Definisse Filler ฟิลเลอร์ที่มอบความเต่งตึงและคงตัวสูง ช่วยให้ปากดูสวยชัดเป็นธรรมชาติ
- E.P.T.Q. S300 ฟิลเลอร์เกาหลีที่เหมาะสำหรับปาก เนื้อสัมผัสบางเบา ให้ผลลัพธ์ที่สมจริง
- Revolax Deep ฟิลเลอร์จากเกาหลี เนื้อฟิลเลอร์แน่น ช่วยเติมเต็มปากให้ดูอิ่มเอิบและยาวนาน
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้กี่เดือน ?
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ความเข้มข้นของไฮยาลูโรนิก แอซิด และการดูแลรักษาหลังฉีด ฟิลเลอร์บางรุ่น เช่น Juvederm Volbella และ Restylane Kysse ที่มีเทคโนโลยีเฉพาะในการคงความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 9-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นอื่น เช่น Neuramis Deep หรือ Belotero Revive อาจคงอยู่ในช่วง 6-9 เดือน
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ระยะเวลาของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น การเคลื่อนไหวของริมฝีปาก ความเร็วของการสลายฟิลเลอร์ในร่างกาย และการดูแลรักษาที่เหมาะสม การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยยืดอายุฟิลเลอร์ให้คงอยู่ได้นานขึ้นครับ
ข้อควรปฏิบัติก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอะไรบ้าง ?
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน การปฏิบัติตัวตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงาม ดังนี้
- งดการใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดรับประทานยากลุ่มแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา, วิตามินอี หรือสมุนไพรที่ทำให้เลือดไหลเวียนง่าย เช่น โสม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์และนิโคตินมีผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ ควรงดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยให้ระบบร่างกายฟื้นฟูและลดความตึงเครียดของผิวบริเวณปาก
- แจ้งประวัติสุขภาพและยาที่ใช้อยู่ หากคุณมีโรคประจำตัว การแพ้สาร หรือกำลังใช้ยาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำหัตถการ
- งดการสครับหรือลอกผิวบริเวณริมฝีปาก หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ริมฝีปากหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ระคายเคืองอย่างน้อย 2-3 วันก่อนฉีด
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ต้องรู้อะไรบ้าง ฉีดครั้งแรกต้องเตรียมตัวยังไง มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ?
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ต้องการความเชี่ยวชาญและการประเมินอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- การปรึกษาและประเมินโครงสร้างปาก แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการพูดคุยและรับฟังความต้องการของคนไข้ พร้อมกับประเมินโครงสร้างปาก เช่น ความสมดุลของริมฝีปากบน-ล่าง ความหนา-บาง และปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อเลือกทรงปากและเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม
- การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม แพทย์จะแนะนำยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคนไข้ โดยเฉพาะบริเวณปากที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดี
- เตรียมพื้นที่ในการฉีด นั่นก็คือการทำความสะอาดบริเวณริมฝีปากและรอบ ๆ ด้วยสารฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และในบางกรณี อาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บระหว่างการฉีด
- การฉีดฟิลเลอร์
แพทย์จะใช้เข็มหรือเข็มแคนูลาที่มีความปลอดภัยสูง ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวตามจุดที่วางแผนไว้ เทคนิคการฉีดจะเน้นความละเอียดอ่อน เพื่อสร้างทรงปากที่สมดุล อวบอิ่ม และเป็นธรรมชาติ - การปรับแต่งและตรวจสอบผลลัพธ์
หลังฉีด แพทย์จะนวดเบา ๆ บริเวณปากเพื่อจัดฟิลเลอร์ให้กระจายตัวสม่ำเสมอ และตรวจสอบผลลัพธ์ร่วมกับคนไข้ หากจำเป็น อาจฉีดเพิ่มเติมในปริมาณเล็กน้อยเพื่อความสมบูรณ์แบบ - คำแนะนำหลังการฉีด
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงความร้อนและการกดบริเวณปาก รวมถึงการปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่อาจพบเจอได้
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการทางความงามที่ปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่เช่นเดียวกับหัตถการอื่นๆ อาจมีอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังการฉีด ซึ่งแบ่งออกเป็นอาการปกติและอาการที่ควรไปพบแพทย์ดังนี้
อาการปกติที่อาจพบได้หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- อาการบวมและแดง
บริเวณริมฝีปากอาจมีอาการบวมเล็กน้อยและแดงในช่วง 1-3 วันแรก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายหลังจากการฉีด - รอยเข็มหรือรอยช้ำเล็กน้อย
บริเวณที่ฉีดอาจมีรอยเข็มหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะจางหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ - ความรู้สึกไม่สม่ำเสมอในเนื้อปาก
ในบางกรณี อาจรู้สึกถึงความไม่สม่ำเสมอของฟิลเลอร์ในช่วงแรก ฟิลเลอร์จะกระจายตัวและเข้าที่ภายใน 1-2 สัปดาห์
อาการที่ควรพบแพทย์ทันที
- อาการบวมแดงและเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หากอาการบวมและแดงไม่ลดลงหรือมีความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ - ริมฝีปากซีดหรือเปลี่ยนสี
หากบริเวณที่ฉีดมีสีซีดหรือเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของหลอดเลือด - มีตุ่มหรือก้อนแข็งผิดปกติ
หากพบว่ามีก้อนแข็งที่ไม่ลดลงหรือรู้สึกเจ็บผิดปกติบริเวณริมฝีปาก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิน
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันเห็นผล ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก ผู้รับบริการมักมีคำถามเกี่ยวกับระยะเวลาที่อาการบวมจะลดลง และเมื่อใดจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งคำตอบอาจแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล โดยปัจจัยที่ส่งผลได้แก่ ปริมาณฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และการดูแลหลังฉีด
อาการบวมกี่วัน? โดยทั่วไป อาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย ซึ่งจะเริ่มลดลงภายใน 1-3 วันแรก และหายสนิทภายใน 5-7 วัน ในบางรายอาจมีอาการบวมเล็กน้อยที่คงอยู่ได้นานถึง 10 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกาย
กี่วันเห็นผลดีที่สุด? ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นได้ทันทีหลังทำ แต่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และเข้าที่ภายใน 7-14 วัน เนื่องจากฟิลเลอร์ต้องใช้เวลาในการกระจายตัวและปรับเข้ากับโครงสร้างริมฝีปาก
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ พร้อมลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่ควรปฏิบัติ
ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปาก ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการจับ นวด หรือกดบริเวณริมฝีปาก เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนตัวหรือเสียรูปทรง
- งดอาหารร้อนและรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดหรือเผ็ดเกินไปในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ
- ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
- งดออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก หรือกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนโลหิต เช่น ซาวน่า หรือการอบไอน้ำ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อลดการเกิดอาการบวมและผลกระทบต่อการฟื้นฟูของริมฝีปาก
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก การปฏิบัติตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดี ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
- ห้ามจับหรือนวดบริเวณริมฝีปาก ควรหลีกเลี่ยงการจับ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์และการเสียรูปทรง
- ห้ามสัมผัสความร้อนสูง งดการซาวน่า การอบไอน้ำ และการอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปในช่วง 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ห้ามออกกำลังกายหนัก ควรงดกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนโลหิต เช่น การออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดการเกิดอาการบวม
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อาจทำให้ริมฝีปากเกิดการระคายเคืองและบวมมากขึ้น ควรงดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคือง หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีสารเคมีแรงในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคือง
ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วันถึงจะทาลิปได้
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรรออย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง ก่อนเริ่มทาลิปสติกหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ บนริมฝีปาก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือระคายเคือง ควรเลือกใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือพาราเบน และหมั่นรักษาความสะอาดบริเวณริมฝีปากเสมอ การดูแลที่เหมาะสมช่วยเสริมให้ริมฝีปากฟื้นตัวได้ดีและสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อน เกิดจากอะไร? แก้ไขได้ไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเกิดอาการเป็นก้อน อาจมีสาเหตุมาจาก การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูงเกินไป หรือ เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดในปริมาณมากเกินไปหรือกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ อาจเกิดจาก ปฏิกิริยาของร่างกาย ที่มีการสะสมน้ำในบริเวณฉีด
สามารถแก้ไขได้ โดยสำหรับการแก้ไข หากเป็นก้อนจากฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) สามารถฉีด เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส เพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ หรือหากเกิดจากการอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการประเมินและรักษาอย่างเหมาะสม การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่แรกครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในระหว่างขั้นตอน ซึ่งเกิดจากการใช้เข็มหรือการแทรกฟิลเลอร์เข้าสู่ผิว อย่างไรก็ตาม ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์จะใช้ ยาชาเฉพาะที่ หรือฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชาเพื่อลดความเจ็บปวด ทำให้ขั้นตอนนี้เป็นไปอย่างสบายใจ และหลังการฉีด อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงบริเวณริมฝีปาก ซึ่งจะค่อยๆ หายไปภายในไม่กี่วันครับ
ฟิลเลอร์ปากห้ามจูบกี่วัน ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการจูบหรือการกดบริเวณริมฝีปากอย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและลดความเสี่ยงของการเคลื่อนตัวของสารเติมเต็ม การจูบที่มีแรงกดอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอและส่งผลต่อรูปทรงปากที่ปรับแต่งมา แนะนำให้รอประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่สมบูรณ์ ก่อนจะกลับมาจูบได้ตามปกติ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคลครับ
ฉีดฟิลเลอร์เม้มปากได้ไหม ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเม้มปากหรือการกดริมฝีปากอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวในชั้นผิวได้อย่างเหมาะสม การเม้มปากหรือใช้แรงกดอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวหรือกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อรูปทรงปากที่ฉีดมา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรอจนฟิลเลอร์เข้าที่เต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนทำกิจกรรมที่ใช้แรงกับริมฝีปากครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ TBL Clinic ดีอย่างไร ?
TBL Clinic โดดเด่นในด้านการให้บริการฉีดฟิลเลอร์ปาก ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงและผ่านการอบรมเฉพาะทาง เทคนิคการฉีดของเราเน้นความแม่นยำและความปลอดภัย โดยแพทย์จะประเมินรูปปากและโครงหน้าอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล
คลินิกเลือกใช้ ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ เรายังใส่ใจในขั้นตอนการดูแลก่อนและหลังการฉีด รวมถึงให้คำแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้รับบริการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่สมดุล หรือเพิ่มความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์ปากที่ TBL Clinic ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างความมั่นใจ พร้อมผลลัพธ์ที่ประทับใจในทุกมิติแน่นอนครับ หากสนใจในการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถขอคำปรึกษาจากหมอได้โดยตรงได้เลยครับ แอดไลน์สอบถามได้เลย !!
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก