ฉีดฟิลเลอร์ ครั้งแรกเป็นขั้นตอนที่ต้องการความเข้าใจอย่างถูกต้อง ควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูล เช่น ประเภทฟิลเลอร์ที่เหมาะกับปัญหาใบหน้า คลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ เตรียมตัวโดยหลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนเข้ารับบริการควรตรวจสอบฟิลเลอร์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ ความเสี่ยงที่อาจพบ เช่น อาการบวม รอยแดง หรือผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ
และนอกจากนี้เองฟิลเลอร์ก็จะช่วยเรื่องริ้วรอย ยังนิยมฉีดเพื่อแก้ไขโครงสร้างใบหน้าในจุดต่าง ๆ เช่น ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ขมับ และฟิลเลอร์หน้าผาก โดยสามารถปรับสัดส่วนเหล่านี้ให้สวยงามขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การเติมสาร Hyaluronic Acid (HA) หรือสารเติมเต็มชนิดอื่นๆ เข้าสู่ชั้นผิว เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา และเสริมจุดต่าง ๆ อย่างคาง หน้าผาก ขมับ และจมูก ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูอิ่มฟู กระจ่างใส และช่วยปรับสมดุลรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดครับ
ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มความงามในหลายด้าน ดังนี้
- เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ลดความลึกของริ้วรอย
- ปรับสมดุลรูปหน้า เช่น เสริมคาง เติมขมับ ปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน
- เพิ่มความอิ่มฟูของผิว ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น มีสุขภาพดี
- ปรับแต่งจุดเฉพาะ เช่น เติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เสริมจมูกให้ได้รูป
- เพิ่มวอลลุ่มในบริเวณแก้มตอบ ทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใครบ้าง ?
- ลดริ้วรอยร่องลึก ผู้ที่ต้องการแก้ไขริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- แก้ไขผิวหย่อนคล้อย ผู้ที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อยจากวัยที่เพิ่มขึ้น
- ปัญหาถุงใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องน้ำตาลึก ใต้ตาดูคล้ำ
- แก้ไขริมฝีปาก สำหรับผู้ที่ริมฝีปากบางหรือไม่ได้รูป
- เติมเต็มใบหน้า เช่น จมูก หน้าผาก คาง
- รอยหลุมสิว ช่วยแก้ปัญหารอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง
- เพิ่มความชุ่มชื้น ผู้ที่ต้องการให้ผิวฉ่ำน้ำ ดูสุขภาพดี
ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?
การฉีด Filler ไม่อันตราย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านกายวิภาคใบหน้า ใช้ฟิลเลอร์แท้ และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถสลายได้ตามธรรมชาติและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จะช่วยลดโอกาสข้อผิดพลาด เช่น การฉีดในจุดที่เสี่ยงต่อเส้นเลือด ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอมและสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งก็ยังมีอีกสิ่งที่อยากให้ทราบกันก่อนเลยว่า ฟิลเลอร์ ชนิดเดียวที่ปลอดภัยที่สุดและผ่านการรับรอง คือ Hyaluronic Acid ครับ โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้ได้รับการอนุมัติว่า Hyaluronic Acid ได้เป็นสารที่มีความปลอดภัย และยังนิยมใช้ในวงการแพทย์และด้านความงามอย่างแพร่หลายฉีดแล้วสามารถสลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง สามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่เป็นอันตรายใดๆ
ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์หมายถึงสารเติมเต็มที่ฉีดเพื่อแก้ไขและปรับรูปใบหน้า มี 4 ประเภทหลัก
- Hyaluronic Acid (HA) ปลอดภัย สลายได้เอง นิยมใช้ทั่วโลก
- Collagen จากสัตว์ อาจทำให้เกิดอาการแพ้และปัจจุบันไม่นิยม
- Transplanted Fat เหมาะสำหรับการเติมเต็มในปริมาณมาก
- Biosynthetic Polymers เช่น ซิลิโคนเหลว ไม่สามารถสลายเองได้ ไม่ปลอดภัย ไม่ผ่าน อย.
ในไทยนั้นมีฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic Acid โดยผ่านอย. ซึ่งมีหลายยี่ห้อ โดยทางแพทย์จะประเมินและเลือกใช้ฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะกับบริเวณที่คนไข้ต้องการแก้ปัญหา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด ในการเลือกฟิลเลอร์แท้และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติครับ
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม
ความอันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ปลอม มีความเสี่ยงสูงและอันตรายมาก หลังฉีดอาจเกิดปัญหาเนื้อฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแข็ง ย้อยผิดรูป บวมแดง ติดเชื้อ หรืออักเสบรุนแรง ผิวอาจขรุขระไม่เรียบเนียน ในกรณีร้ายแรงอาจเกิดเนื้อตายหรือตาบอด เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้มาตรฐานและไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายได้เอง และต้องแก้ไขด้วยการขูดหรือผ่าตัดเท่านั้น ดังนั้น ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและฟิลเลอร์แท้เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ
จุดฉีดฟิลเลอร์ยอดนิยม คือจุดไหนบ้าง ?
การฉีด Filler ได้รับความนิยมในหลายจุดบนใบหน้าเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและปรับรูปหน้าอย่างสมดุลโดยสำหรับจุดยอดนิยมในการ เติมฟิลเลอร์ มีดังนี้
ฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน ไม่มีมิติ ให้นูนสวยได้สัดส่วนกับใบหน้าส่วนอื่น และยังช่วยให้ใบหน้าสวยตามหลักโหงวเฮ้ง เหมาะกับคนไข้ที่ไม่อยากผ่าตัดหน้าผาก ฟิลเลอร์หน้าผากจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc สำหรับร่องหน้าผาก และ 3 – 10 cc สำหรับปรับให้นูน เสริมโหงวเฮ้ง
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก : ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใคร ช่วยอะไรได้บ้าง ดีจริงไหม ? รวมข้อควรรู้ก่อนฉีดแบบตรงจุด
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาไขมันใต้ตาทรุดตัว ใต้ตาหย่อนคล้อยขาดคอลลาเจน มีปัญหาถุงใต้ตา ตาลึกโบ๋ มีริ้วรอยใต้ตา และยังช่วยลดใต้ตาคล้ำได้ โดยฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ประมาณ 1 – 3 cc ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตา
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไร ควรรู้อะไรบ้าง รวมข้อควรรู้ก่อนฉีดทุกเรื่อง ?
ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปทรงคางแก้ปัญหารูปคางสั้น คางเบี้ยวไม่สมมาตร คางไม่เท่ากัน แก้ไขคางตัด คางบุ๋ม คางไม่เท่ากัน ปรับรูปหน้าให้เรียว โดยฟิลเลอร์คางจะใช้ประมาณ 1 – 3 cc
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์คาง : ฉีดฟิลเลอร์คาง ดีไหม อันตรายรึเปล่า ฉีดแล้วอยู่ได้นานกี่เดือน สลายเองได้หรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มให้ร่องแก้มตื้นขึ้นสำหรับคนที่มีปัญหาจากหน้าแก้มพับจนเป็นร่องแก้ม หรือกระดูกบริเวณร่องแก้มทรุดตัวลง โดยฟิลเลอร์ร่องแก้มจะใช้ประมาณ 1 cc
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยอะไร มีอะไรต้องรู้ก่อนฉีดบ้าง เตรียมตัวในการฉีดยังไง ?
ฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยลดความเด่นของโหนกแก้ม ปรับให้ใบหน้าดูมีมิติขึ้น และยังช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง ทำให้กระเปาะแก้มดูกระชับขึ้น แก้มดูเต็มอิ่มไม่โทรม โดยฟิลเลอร์แก้มตอบจะใช้ประมาณ 1 – 4 cc ขึ้นไป
ฟิลเลอร์แก้มส้ม หรือฟิลเลอร์ยกกระชับหน้าแก้ม จะช่วยทำให้ช่วงหน้าแก้มมีมิติได้สัดส่วนที่สวยงามแล้ว ยกกระชับใบหน้าขึ้นได้ ทำให้บริเวณร่องใต้ตา ถุงใต้ตา และ ร่องแก้มตื้นขึ้น โดยฟิลเลอร์แก้มส้มจะใช้ประมาณ 1 cc ต่อข้าง
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม : ฟิลเลอร์แก้มส้ม คือตรงไหนของใบหน้า ช่วยแก้แก้มตอบ หน้าหย่อนคล้อย ได้จริงหรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ขมับ ช่วยเติมเต็มขมับตอบให้ดูเต็มขึ้น ลดความเด่นชัดของโหนกแก้มได้ และยังช่วยยกหางตา หางคิ้ว ทำให้หน้าดูละมุนมากขึ้น โดยฟิลเลอร์ขมับจะใช้ประมาณ 1 – 4 cc
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์ขมับ : ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ช่วยอะไร ดีจริงหรือไม่ ฉีดแล้วรูปหน้าเปลี่ยนรึเปล่า ?
ฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่ได้รูป ปากไม่เท่ากัน ปรับรูปให้เป็นปากกระจับ หรือปากสายฝอตามที่ต้องการได้ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากที่แห้งแตก ลดร่องปาก โดยฟิลเลอร์ปากจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc
เจาะลึกการฉีดฟิลเลอร์ปาก : ฉีดฟิลเลอร์ปาก ครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียยังไง ?
ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกช่วงบริเวณมุมปาก และสามารถยกมุมปากตกได้ แต่ควรเติมหลังจากที่ยกกระชับช่วงแก้มบริเวณอื่นขึ้นไปดีแล้ว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ร่องน้ำหมากจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc
ฟิลเลอร์กรอบหน้า ช่วยแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ช่วงแก้มล่างหย่อนคล้อย ปรับแนวกระดูกสันกรามให้คมชัดขึ้น ยกกระชับผิวช่วงแก้มล่างที่หย่อนคล้อย และช่วยปรับรูปหน้าให้สมมาตร โดยฟิลเลอร์กรอบหน้าจะใช้ประมาณ 1 – 4 cc
ข้อควรปฏิบัติก่อน-หลัง ฉีดฟิลเลอร์ ทำได้ยังไงบ้าง ?
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้
- งดยาและวิตามิน งดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs, ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน เช่น วิตามินอี ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการช้ำง่าย
- งดแอลกอฮอล์ หยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง
- แจ้งโรคประจำตัว หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
- งดการทายาผลัดเซลล์ผิว หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่จะฉีด
- หลีกเลี่ยงเลเซอร์ งดการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่นในบริเวณที่ต้องฉีด
- ปรึกษาแพทย์ หากมีการอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณผิว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : ทำความเข้าใจก่อนฉีดฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้ผลลัพธ์คงทนและลดความเสี่ยงของอาการแทรกซ้อน ดังนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อน งดซาวน่า อบไอน้ำ หรืออยู่ในที่ร้อนจัดประมาณ 48 ชั่วโมง
- งดแตะหรือกด หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดจุดบริเวณที่ฉีด
- ดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพื่อลดโอกาสการอักเสบ
- ปรึกษาแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง หรือปวดมาก
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ทำยังไงบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ โดยทำการนัดพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับใบหน้าและปัญหาของคุณ
- เลือกชนิดฟิลเลอร์และรุ่นที่มีความเหมาะสมให้เข้ากับบุลคลโดยทางแพทย์จะช่วยแนะนำรุ่นและยี่ห้อที่เหมาะสมกับจุดที่จะฉีด
- ทำความสะอาดผิวก่อนจะฉีดโดยจะเช็ดเครื่องสำอางและเตรียมบริเวณที่จะฉีดให้สะอาดก็เพื่อความปลอดภัยด้วยครับ
- ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์จะต้องทำการตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนว่าของแท้หรือไม่ ควรที่จะให้คุณหมอแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้า เพื่อยืนยันว่าเป็นของแท้ครับ
- การเตรียมตัวก่อนฉีดจะทำการ แปะยาชาหรือประคบน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บในจุดบริเวณที่ฉีด
- ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ที่มีประสบการณ์ 5–10 ปีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัย
- คำแนะนำหลังฉีด ซึ่งทางแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงความร้อนและการกดบริเวณที่ฉีด
- ติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์จะทำการนัดตรวจติดตามผลหลังการฉีดทุกเคสเพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์มากขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- การแก้ปัญหาริ้วรอยและร่องลึก โดยเป็นการเติมเต็มผิวที่มีริ้วรอยหรือร่องลึก เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ให้ดูเรียบเนียน
- ปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งจะใช้ปรับคาง ขมับ และกรอบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผลลัพธ์รวดเร็ว เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น
- มีความปลอดภัยเพราะฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid สลายได้เองตามธรรมชาติและผ่านการรับรองจาก อย.
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ผลลัพธ์ชั่วคราว อยู่ได้เพียง 6–18 เดือน ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
- เสี่ยงฟิลเลอร์ปลอม หากเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดอันตราย เช่น การติดเชื้อหรือฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
- การแพ้หรืออักเสบ แม้จะเกิดขึ้นน้อย แต่ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือประวัติแพ้ยา
ฉีดฟิลเลอร์ จะอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะคงอยู่หลังการฉีดขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และจุดที่ฉีด โดยทั่วไปฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดจะคงอยู่ได้ประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- ชนิดของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูง เช่น สำหรับปรับรูปหน้า มักอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เติมริ้วรอยตื้น
- ตำแหน่งที่ฉีด บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ริมฝีปาก อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่า
- การดูแลหลังฉีด การหลีกเลี่ยงความร้อนและการกดแรงช่วยยืดอายุฟิลเลอร์
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
ถ้าฟิลเลอร์สลายหมด จะมีทำให้เกิดอาการแบบไหน ?
เมื่อฟิลเลอร์ที่ฉีดไว้สลายหมด ผลลัพธ์ที่ปรากฏจะค่อยๆ ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เนื่องจากฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่สลายได้เองในร่างกาย โดยอาจสังเกตได้ดังนี้
- ริ้วรอยและร่องลึกกลับมาเด่นชัดขึ้น เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยใต้ตา
- โครงหน้าเปลี่ยนแปลงกลับสู่สภาพเดิม สำหรับผู้ที่ฉีดปรับรูปหน้า
- ผิวกลับสู่ความชุ่มชื้นปกติ หลังสารอุ้มน้ำจากฟิลเลอร์หมดฤทธิ์
ฟิลเลอร์ที่สลายหมดแล้วไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง แต่ควรฉีดใหม่กับแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยครับ
ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน กี่วันเห็นผล ?
หลังการฉีดฟิลเลอร์ อาการบวมเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นในช่วง 2–3 วันแรก โดยอาการบวมนี้จะค่อยๆ ลดลงใน 5–7 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและความชำนาญของแพทย์ที่ให้บริการ สำหรับผลลัพธ์หลังฉีด ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด แต่จะเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นภายใน 7–14 วัน เพื่อให้ผลลัพธ์สมบูรณ์แบบ ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วงแรกครับ
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน
ฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนที่ใช้เอมไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase หรือ Hyalase) เพื่อลดหรือย่อยสลายสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ในกรณีที่เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ผลลัพธ์ไม่พึงพอใจ หรือเกิดข้อผิดพลาดระหว่างฉีดฟิลเลอร์ เอมไซม์จะถูกฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่มีฟิลเลอร์เพื่อสลายสารเติมเต็มอย่างปลอดภัยและแม่นยำ ขั้นตอนนี้เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถปรับปรุงด้วยวิธีอื่น และควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดีที่สุดครับ
อ่านเพิ่มเติม : การฉีดสลายฟิลเลอร์
การขูดฟิลเลอร์
การขูดฟิลเลอร์เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาสำหรับฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือฟิลเลอร์ที่เกิดปัญหาหลังฉีด เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน แข็งตัว หรือเคลื่อนย้ายผิดตำแหน่ง อาการที่อาจต้องขูดฟิลเลอร์ ได้แก่ ใบหน้าผิดรูป ผิวขรุขระ อักเสบ หรือติดเชื้อ การขูดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและลดผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำหรืออาการบวมหลังขูด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาและตำแหน่งที่ทำครับ
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่
- อาการปกติ
- บวมแดงบริเวณที่ฉีด
- มีรอยเข็มหรือรอยช้ำเล็กน้อย
- อาการบวมเล็กน้อยที่มักหายไปใน 1-2 วัน
- อาการที่อาจเป็นอันตราย (ควรพบแพทย์ทันที)
- อาการบวมแดงรุนแรงร่วมกับปวดหรือร้อนบริเวณที่ฉีด
- ผิวซีดหรือเปลี่ยนสี อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด
- การติดเชื้อ หรือเกิดก้อนแข็งผิดปกติ
อ่านเพิ่มเติมที่บทความ : อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นยังไง
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ ทำไมแต่ละจุดราคาต่างกัน ?
ราคาการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบันเริ่มต้นประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อ 1 CC โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- จุดที่ฉีด บริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา หรือริมฝีปาก มักมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากใช้ฟิลเลอร์เฉพาะรุ่นที่ออกแบบสำหรับพื้นที่นั้น
- ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีเทคโนโลยีการผลิตและคุณสมบัติแตกต่างกัน ส่งผลต่อราคา
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความรู้ด้านกายวิภาคและเทคนิคเฉพาะ
ทำไมต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ TBL Clinic
การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งที่ TBL Clinic โดดเด่นด้วยเหตุผลดังนี้
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะที่ TBL Clinic มีทีมแพทย์มีประสบการณ์สูงและความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคใบหน้า มั่นใจได้ในความแม่นยำและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์แท้ 100% เพราะที่ TBL Clinic ใช้ลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. พร้อมการแกะกล่องต่อหน้าคนไข้
- เทคนิคเฉพาะทาง สำหรับ TBL Clinic เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
- บริการดูแลหลังการฉีด มีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะที่ TBL Clinic