ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง จุดฉีดฟิลเลอร์ยอดนิยม ช่วยเสริมใบหน้า ให้สวยเพิ่มมิติ

Filler injection point

หัวข้อ

ฟิลเลอร์ เป็นหัตถการด้านความงามที่ช่วยเติมเต็มและปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ จุดฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ใต้ตา เพื่อแก้ไขร่องลึกและความหมองคล้ำ ร่องแก้ม ลดความหย่อนคล้อย ริมฝีปาก เพิ่มความอวบอิ่ม ขมับและแก้มส้ม เสริมมิติให้ใบหน้าดูละมุน คางและกรอบหน้า เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวได้สัดส่วนอย่างสมดุล ในบทความนี้หมอจะพาไปทำความรู้จักกับจุดฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่ง พร้อมรายละเอียดว่าช่วยเสริมใบหน้าอย่างไรบ้างครับ

ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง และควรฉีดกี่ cc ?

การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มจุดบกพร่อง และเสริมมิติให้ใบหน้าดูสมดุล จุดฉีดที่นิยม ได้แก่ ใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก ขมับและแก้มส้ม คางและกรอบหน้า โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพใบหน้าของแต่ละบุคคล ซึ่งหมอจะช่วยประเมินปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยครับ เรามาดูกันว่ามีจุดฉีดฟิลเลอร์ไหนบ้างที่นิยม และแต่ละจุดควรเลือกฉีดกี่ CC

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งในจุดฉีดยอดนิยมที่ช่วยแก้ปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ ร่องน้ำตาลึก และ ความหย่อนคล้อย ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและเหนื่อยล้า การฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตา ให้ผิวดูเรียบเนียน สดใส และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตาควรเป็นชนิดเนื้อนิ่มที่สามารถกระจายตัวได้ดี เช่น Juvederm Volbella Restylane Eyelight หรือ Belotero Balance ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน และช่วยให้ใต้ตาดูเรียบเนียน

ปริมาณที่แนะนำ โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ปริมาณ 1 – 2 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องใต้ตาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยครับ

ฉีดฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง เพราะช่วยปรับสมดุลโครงหน้า ให้ใบหน้าดูเรียวยาว ได้สัดส่วนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มี คางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หรือคางไม่สมดุล โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม

ฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

  • ✅ ปรับคางให้ยาวขึ้น เพิ่มความสมดุลของใบหน้า
  • ✅ แก้ปัญหาคางถอย คางบุ๋ม หรือคางไม่ชัดเจน
  • ✅ ช่วยให้ใบหน้าดูเรียว V-Shape อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ✅ ปรับองศาคางให้รับกับแนวกรามและจมูก ลดความแข็งของใบหน้า

ฉีดฟิลเลอร์คาง ควรใช้กี่ CC ?

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล

  • ผู้ที่ต้องการเติมคางเล็กน้อย เพื่อเพิ่มมิติและความยาวที่ดูเป็นธรรมชาติ ใช้ประมาณ 1 – 2 CC
  • ผู้ที่ต้องการปรับคางให้เรียวขึ้นอย่างชัดเจน ใช้ประมาณ 2 – 3 CC
  • กรณีที่คางสั้นมาก หรือใบหน้ากลมมาก อาจใช้ถึง 3 – 4 CC โดยต้องอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยแก้ไขปัญหาร่องลึกที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไขมันใต้ผิว เมื่ออายุมากขึ้น ร่องแก้มที่ลึกขึ้นทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า มีอายุ และขาดความสดใส การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึก ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและอ่อนเยาว์ขึ้น

ฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ ลดร่องแก้มลึก ทำให้หน้าดูเด็กขึ้น
✅ ปรับสมดุลใบหน้า ลดเงาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อย
✅ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
✅ เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องแก้มลึกจากพันธุกรรม หรือเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรใช้กี่ CC?

  • ร่องแก้มตื้น ใช้ประมาณ 1 – 2 CC เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
  • ร่องแก้มลึกปานกลาง ใช้ประมาณ 2 – 3 CC
  • ร่องแก้มลึกมาก หรือเนื้อแก้มตกลงมา อาจต้องใช้ 3 – 4 CC และอาจต้องฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มร่วมด้วย

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก 

การ ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นเทคนิคที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนและมีมิติยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าผากแบน ขาดความโค้งมน หรือมีรอยบุ๋มที่ทำให้ใบหน้าดูแข็งและขาดความอ่อนโยน ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มให้หน้าผากดูนูนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ฟิลเลอร์หน้าผากช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ ปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูโค้งมน มีมิติ
✅ ลดริ้วรอยและร่องลึกบริเวณหน้าผาก
✅ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และละมุนขึ้น
✅ เสริมโหงวเฮ้งสำหรับผู้ที่มีหน้าผากแบนหรือลักษณะไม่สมดุล

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรใช้กี่ CC?

  • ปรับหน้าผากให้ดูเต็มขึ้นเล็กน้อย ใช้ 3 – 5 CC
  • เพิ่มความโค้งมนและมิติให้หน้าผาก ใช้ 5 – 8 CC
  • แก้ไขร่องหน้าผากลึก หรือเติมเต็มให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ใช้ 8 – 12 CC

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้ดูเต็มขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีขมับตอบ ขมับยุบ ทำให้ใบหน้าดูโทรม หรือมีลักษณะโหนกแก้มเด่นเกินไป เมื่อเติมฟิลเลอร์เข้าไป จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สมส่วน และมีความละมุนมากขึ้น

ฟิลเลอร์ขมับช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ เติมเต็มขมับที่ตอบให้ดูสมดุลกับโหนกแก้ม
✅ ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ไม่ดูโทรม
✅ เสริมโหงวเฮ้ง ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ
✅ ลดความคมของใบหน้าสำหรับผู้ที่มีขมับยุบเด่นชัด

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรใช้กี่ CC?

  • ขมับตอบเล็กน้อย ใช้ 2 – 4 CC
  • ขมับตอบปานกลาง ใช้ 4 – 6 CC
  • ขมับตอบมากหรือมีโหนกแก้มเด่นชัด ใช้ 6 – 8 CC

ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ/แก้มส้ม

ฟิลเลอร์แก้มตอบและแก้มส้ม เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอิ่มฟูของใบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมดุล ลดความโทรม และเสริมมิติให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น

ฟิลเลอร์แก้มตอบและแก้มส้มช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ แก้มตอบทำให้หน้าดูโทรม ขาดความสดใส
✅ โหนกแก้มดูเด่นเกินไป ทำให้หน้าดูแข็ง
✅ ต้องการให้ใบหน้าดูเด็กลงและละมุนขึ้น
✅ ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ เสริมโครงสร้างให้สมดุล

ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ/แก้มส้ม ควรใช้กี่ CC?

  • แก้มตอบเล็กน้อย ใช้ 2 – 4 CC
  • แก้มตอบปานกลาง ใช้ 4 – 6 CC
  • แก้มตอบมาก โหนกแก้มเด่น ใช้ 6 – 8 CC

ฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีด ฟิลเลอร์ปาก เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม มีมิติ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น ไม่แห้ง แตก หรือดูคล้ำ

ฟิลเลอร์ปากช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ ริมฝีปากบางเกินไป ดูไม่มีมิติ
✅ ริมฝีปากแห้ง แตก ขาดความชุ่มชื้น
✅ ปรับสัดส่วนปากบน-ล่างให้สมดุล
✅ ลดร่องริ้วรอยที่ริมฝีปาก ให้ดูเด็กลง
✅ ปรับรูปทรงปากให้มีความละมุน เช่น ปากสายฝอ หรือปากกระจับ

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรใช้กี่ CC?

  • เพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ใช้ 0.5 – 1 CC
  • เพิ่มความอวบอิ่มแบบธรรมชาติ ใช้ 1 – 2 CC
  • ปรับรูปทรงปากให้คมชัดขึ้น ใช้ 2 – 3 CC

ฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก

การฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และลดลักษณะมุมปากตกที่ทำให้ดูเศร้าหรือดูมีอายุ โดยเทคนิคนี้ใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มที่บริเวณมุมปากเพื่อปรับยกองศาของริมฝีปากให้ดูเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ยกมุมปากช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ มุมปากตก ทำให้หน้าดูเศร้าหรือไม่สดใส
✅ ริ้วรอยบริเวณมุมปากที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ
✅ ปรับรูปปากให้ดูเป็นมิติสวยงามมากขึ้น

ควรใช้ฟิลเลอร์กี่ CC?

  • เพื่อยกมุมปากเล็กน้อย ใช้ 0.5 – 1 CC
  • สำหรับปรับองศามุมปากให้ยกชัดขึ้น ใช้ 1 – 2 CC

ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า เป็นเทคนิคที่ช่วยเติมเต็มและเสริมโครงสร้างใบหน้าให้สมดุล โดยใช้ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาความไม่สมมาตร เติมเต็มจุดที่ขาด และช่วยให้ใบหน้าดูละมุน มีมิติมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ เติมเต็มใบหน้าที่ดูตอบ แก้มตอบ ขมับตอบ
✅ ปรับคางให้สมดุลกับสัดส่วนใบหน้า
✅ ลดริ้วรอย ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา
✅ เสริมแนวกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น ดูมีมิติ
✅ ฟื้นฟูความอิ่มฟูของผิว ทำให้ดูอ่อนเยาว์

ควรฉีดกี่ CC? ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีดและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยปกติ

  • ฟิลเลอร์ขมับ 1 – 3 CC ต่อข้าง
  • ฟิลเลอร์แก้ม 2 – 4 CC
  • ฟิลเลอร์คาง 1 – 2 CC
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1 – 2 CC
  • ฟิลเลอร์กรอบหน้า 2 – 4 CC

ฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า (Facial Lifting Filler) เป็นเทคนิคที่ช่วยยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดมิติ หรือมีริ้วรอยลึก ซึ่งสามารถช่วยเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ยกหน้าช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ ลดปัญหาความหย่อนคล้อยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น
✅ ยกกระชับแนวกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
✅ เติมเต็มร่องแก้ม และร่องน้ำหมากให้ตื้นขึ้น
✅ เพิ่มความอิ่มฟูให้ใบหน้า ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ควรฉีดกี่ CC? ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อยของใบหน้าและบริเวณที่ต้องการยกกระชับ โดยทั่วไป

  • ฟิลเลอร์ขมับ 1 – 3 CC ต่อข้าง
  • ฟิลเลอร์โหนกแก้ม 2 – 4 CC
  • ฟิลเลอร์กรอบหน้า 2 – 4 CC
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้มและมุมปาก 1 – 2 CC

ฉีดฟิลเลอร์สะโพก

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมความโค้งมนของเรือนร่างโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มบริเวณสะโพกให้ดูสมส่วน หรือแก้ไขปัญหาสะโพกแฟบ ขาดความกลมกลึง เทคนิคนี้ใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) หรือ Polyacrylamide Hydrogel ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและไม่ต้องพักฟื้นนาน

ฉีดฟิลเลอร์สะโพกช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

✅ เพิ่มความอวบอิ่มให้สะโพก ดูโค้งมนและสมส่วนขึ้น
✅ แก้ปัญหาสะโพกแฟบหรือไม่สมดุล
✅ ปรับความสมดุลของรูปร่างให้เข้ากับสัดส่วนเอวและต้นขา
✅ เติมเต็มร่องสะโพกและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

ควรฉีดกี่ CC? ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป

  • ขนาดเล็ก 100 – 200 CC ต่อข้าง
  • ขนาดกลาง 200 – 400 CC ต่อข้าง
  • ขนาดใหญ่ 400 – 800 CC ต่อข้าง

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าได้จริงไหม ฉีดจุดไหนถึงรูปหน้าจะเปลี่ยน ?

การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทคนิคที่สามารถ ปรับรูปหน้าได้จริง โดยไม่ต้องผ่าตัด ศาสตร์ของการเติมเต็มใบหน้าด้วยฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขโครงสร้าง ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีมิติขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ จุดที่ฉีดและปริมาณที่ใช้

จุดที่สามารถปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ได้

  • คาง ช่วยปรับสัดส่วนของใบหน้าให้เรียวยาว ดูสมดุลขึ้น
  • กรอบหน้า เติมเต็มบริเวณขากรรไกรเพื่อให้ใบหน้าดูคมชัด
  • ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและละมุนขึ้น
  • ร่องแก้ม ลดร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
  • แก้มส้ม เติมเต็มบริเวณโหนกแก้มให้ดูสดใสและมีมิติ
  • หน้าผาก ปรับความโค้งมนให้หน้าดูสมดุล

สรุปแล้วการฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับรูปหน้าได้จริง โดยเฉพาะจุดที่ส่งผลต่อโครงหน้าโดยตรง เช่น คาง ขมับ กรอบหน้า และหน้าผาก

ฟิลเลอร์ กับ โบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร ?

แม้ว่าฟิลเลอร์และโบท็อกซ์จะเป็นหัตถการด้านความงามที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่ทั้งสองอย่างนี้มีหลักการทำงานและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรของใบหน้า ช่วยเติมเต็มร่องลึก และ เสริมมิติ ในจุดที่มีการยุบตัว เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา คาง ขมับ และริมฝีปาก สารที่ใช้ส่วนใหญ่มักเป็น Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถสลายไปเองตามธรรมชาติ

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร? โบท็อกซ์เป็นสารที่สกัดจาก Botulinum Toxin Type A ใช้สำหรับ ลดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น หน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้ว ดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ ปรับรูปหน้าเรียว โดยฉีดที่กล้ามเนื้อกราม

สรุปความแตกต่าง

ฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึก เสริมมิติ ปรับโครงหน้า อยู่ได้นาน 6-24 เดือน
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอยจากการขยับกล้ามเนื้อ ปรับหน้าเรียว ลดกราม อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

ทั้งสองหัตถการให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล หากไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเหมาะกับการเลือกฉีดแบบไหน สามารถปรึกษาหมอได้เลยนะครับ หมอดูแลเองทุกเคส ให้คำปรึกษาที่แก้ปัญหาเพื่อคนไข้แน่นอนครับ

ราคาฉีดฟิลเลอร์ในแต่จุด ว่ามีราคาเท่าไหร่บ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับปรุงและเสริมสร้างความงามของใบหน้า โดยสามารถฉีดได้ในหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละจุดมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณที่ใช้ ตัวอย่างราคาคร่าวๆ ของการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดมีดังนี้

  • ใต้ตา เริ่มต้นที่ 9,900 บาท
  • ร่องแก้ม เริ่มต้นที่ 6,990 บาท
  • คาง เริ่มต้นที่ 11,000 บาท
  • ปาก เริ่มต้นที่ 14,900 บาท
  • ขมับ เริ่มต้นที่ 6,990 บาท
  • หน้าผาก เริ่มต้นที่ 16,900 บาท
  • แก้มส้ม เริ่มต้นที่ 14,000 บาท

ราคาดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามคลินิกและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความต้องการเฉพาะบุคคลและรับข้อมูลที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจนะครับ