ฟิลเลอร์ เป็นหัตถการด้านความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลายคนอาจกังวลว่าการฉีดฟิลเลอร์มีอันตรายหรือไม่ ความจริงแล้ว ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความปลอดภัยสูง แต่หากใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหรือเกิดพังผืด ในบทความนี้ หมอจะอธิบายทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด ตั้งแต่ชนิดของฟิลเลอร์ ความเสี่ยง ไปจนถึงวิธีเลือกสถานพยาบาลที่ปลอดภัยครับ
ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง ?
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่หมอจะแบ่งออกเป็น ความเสี่ยงทั่วไป และ ความเสี่ยงรุนแรง
ความเสี่ยงทั่วไป
- อาการบวม ช้ำ แดง ซึ่งมักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปภายใน 3-7 วัน
- ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน หากฉีดผิดชั้นผิว หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพ
- อาการแพ้ฟิลเลอร์ ซึ่งพบได้น้อย แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในบางราย
ความเสี่ยงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
- ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่เนื้อตายหรือสูญเสียการมองเห็น
- ติดเชื้อ หากอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือไม่มีการดูแลแผลที่เหมาะสม
- ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก
ดังนั้น หมอขอแนะนำว่าควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยครับ
อาการผิดปกติที่เป็นอันตรายหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วหากมีอาการผิดปกติบางอย่าง มันอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ซึ่งควรรีบพบแพทย์ทันที และอาการอันตรายที่ควรสังเกตได้แก่
❗ อาการที่ควรระวัง
- ปวดรุนแรงผิดปกติ หรือรู้สึกตึงแน่นบริเวณที่ฉีด อาจเกิดจากฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด
- ผิวซีดหรือมีสีคล้ำผิดปกติ บริเวณที่ฉีด อาจเป็นสัญญาณของการขาดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ
- การมองเห็นผิดปกติ ตามัว เห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นทันที เป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
- อาการบวมแดง และอักเสบรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
- ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวหรือเป็นก้อนแข็งผิดปกติ
หากมีอาการเหล่านี้ ไม่ควรปล่อยไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาทันทีครับ
ฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนอันตราย
การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มและปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับบางตำแหน่งจะมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ เนื่องจากใกล้เส้นเลือดสำคัญและโครงสร้างที่ซับซ้อน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากฉีดผิดตำแหน่งได้ครับ
❗ จุดที่มีความอันตรายสูง
- ระหว่างคิ้ว (Glabella) มีเส้นเลือดเชื่อมโยงกับดวงตา เสี่ยงต่อการอุดตันและตาบอด
- จมูก บริเวณสันจมูกและปลายจมูกมีเส้นเลือดขนาดเล็กมาก หากฉีดผิดพลาดอาจเกิดเนื้อตาย
- หน้าผาก มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังดวงตา เสี่ยงต่อการอุดตันของเส้นเลือดแดง
- ร่องแก้มลึก (Nasolabial Fold) ใกล้กับเส้นเลือดใหญ่ อาจทำให้เกิดการอุดตันและเนื้อตาย
- รอบดวงตา ผิวหนังบางและเส้นเลือดซับซ้อน เสี่ยงต่ออาการบวมและอุดตันเส้นเลือด
อาการข้างเคียงปกติที่พบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์บางรายอาจจะมีอาการข้างเคียงบางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เนื่องจากร่างกายต้องปรับตัวต่อสารที่ฉีดเข้าไป ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปเองภายในไม่กี่วันครับ
🩹 อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย
- บวมเล็กน้อย มักเกิดขึ้นในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากร่างกายมีการอักเสบเล็กน้อย
- รอยแดงและช้ำ เกิดจากการฉีดผ่านเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปจะจางลงใน 3 – 7 วัน
- รู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ อาการนี้มักหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- เจ็บหรือไวต่อการสัมผัส อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตาหรือริมฝีปาก
หากอาการเหล่านี้ไม่รุนแรง ก็สามารถใช้ประคบเย็นหรืองดกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดเพื่อช่วยบรรเทาได้ครับ
วิธีเตรียมตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย
การเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ
✅ การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดอาหารเสริมหรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี แอสไพริน และน้ำมันปลา อย่างน้อย 3-7 วัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นและพร้อมรับการฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนฉีด 24 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ
✅ การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดภายใน 24 ชั่วโมง
- งดออกกำลังกายหนัก อบซาวน่า และโดนความร้อนสูงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำและอยู่ตัวได้ดี
ฟิลเลอร์อันตรายไหม ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ที่ใช้ในวงการแพทย์ความงามโดยทั่วไปคือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติอุ้มน้ำและช่วยให้ผิวดูเต่งตึง อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ก็จะมีทั้งแบบที่สามารถสลายได้เอง (HA) และแบบกึ่งถาวร เช่น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือ Polymethylmethacrylate (PMMA) ซึ่งอาจอยู่ได้นานขึ้นแต่มีความเสี่ยงที่สูงกว่า
ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งไม่สามารถสลายได้และอาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น อักเสบหรือจับตัวเป็นก้อนแข็ง ดังนั้นก่อนฉีด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนครับ
ควรสังเกตตัวเองอย่างไรหลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ควรเฝ้าสังเกตอาการของตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และมั่นใจว่าผลลัพธ์ออกมาปลอดภัยที่สุด
✅ อาการที่ถือว่าเป็นปกติ อาจรวมถึงอาการบวมเล็กน้อย รอยแดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะค่อยๆ หายไปภายในระยะเวลา 3-7 วัน
❌ อาการผิดปกติที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ อาการปวดมากผิดปกติ ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีลักษณะซีดหรือม่วงคล้ำ การเกิดตุ่มนูนที่ผิดปกติ หรือมีอาการชาในบริเวณดังกล่าว
หากพบความผิดปกติเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปครับ
ฉีดฟิลเลอร์ยังไงให้ปลอดภัย ป้องกันความเสี่ยง
การฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ตั้งแต่การเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานไปจนถึงเทคนิคการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เลือกฟิลเลอร์ที่มี อย. หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์เถื่อนหรือไม่มีแหล่งผลิตชัดเจน
- ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ต้องมีประสบการณ์สูงและเข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด
- ตรวจสอบสถานพยาบาล ควรเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตและมีมาตรฐานความสะอาด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีด หลีกเลี่ยงความร้อน แอลกอฮอล์ และอาหารที่กระตุ้นอาการบวม
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย.
ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความปลอดภัยสูงและสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ชัดเจน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐาน อย. เป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากฟิลเลอร์ปลอม
✅ วิธีตรวจสอบว่าฟิลเลอร์แท้และผ่าน อย. หรือไม่
- กล่องบรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ฟิลเลอร์แท้จะมีบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท ไม่มีรอยแกะ กล่องไม่มีรอยบุบ และมีสติ๊กเกอร์จากบริษัทผู้นำเข้า
- มีเลขทะเบียน อย. ชัดเจน ฟิลเลอร์แท้ต้องมีเลขทะเบียน อย. ของประเทศไทย สามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของ อย. (www.fda.moph.go.th)
- มีฉลากภาษาไทยระบุข้อมูลครบถ้วน เช่น ชื่อแบรนด์ รุ่นของฟิลเลอร์ เลขที่ล็อตการผลิต วันหมดอายุ และชื่อบริษัทผู้นำเข้า
- มี QR Code หรือ Serial Number ฟิลเลอร์แท้มักมีระบบตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์ผ่าน QR Code หรือ Serial Number ซึ่งสามารถเช็กผ่านเว็บไซต์ของผู้ผลิต
- มีเอกสารกำกับยา ฟิลเลอร์แท้จะมาพร้อมกับเอกสารที่ระบุส่วนประกอบ วิธีใช้ และข้อควรระวัง
📌 ข้อสังเกตเพิ่มเติม
- ฟิลเลอร์แท้จะมีเนื้อสัมผัสที่สม่ำเสมอ ไม่จับตัวเป็นก้อน
- ไม่ควรซื้อฟิลเลอร์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์
- ควรเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้รับใบอนุญาต และให้แพทย์เปิดกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีดทุกครั้ง
การตรวจสอบฟิลเลอร์ให้แน่ใจก่อนฉีดเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อความปลอดภัยของคุณ อย่าหลงเชื่อฟิลเลอร์ราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ครับ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย.
การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย.
- ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อสารอันตราย
ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. จะผลิตจาก Hyaluronic Acid (HA) คุณภาพสูง ไม่มีสารปนเปื้อนหรือตัวยาที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย - สามารถฉีดสลายได้ หากเกิดปัญหา
ฟิลเลอร์ HA ที่ได้รับ อย. สามารถฉีดสลายด้วย Hyaluronidase ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความกังวลในกรณีที่ต้องการแก้ไขหรือปรับปรุงผลลัพธ์ - ลดความเสี่ยงของอาการแพ้และการอักเสบ
ฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย. จะผ่านการทดสอบทางคลินิก ทำให้มั่นใจได้ว่ามี ความบริสุทธิ์สูง และโอกาสเกิดอาการแพ้ต่ำ - ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นาน
ฟิลเลอร์แท้มี โครงสร้างโมเลกุลที่เสถียร สามารถคงรูปและกระจายตัวได้ดี ทำให้ใบหน้าดูละมุน ไม่เป็นก้อนแข็ง - มีเอกสารกำกับยา และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้
ฟิลเลอร์แท้จะมี Serial Number และสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือ สำนักงาน อย. เพื่อป้องกันของปลอม
เหตุผลที่ต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย. การฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจเสี่ยงต่อสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย เช่น ซิลิโคนเหลว หรือสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อ หรือการไหลย้อยผิดรูป ดังนั้น การเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้รับการรับรองอย่าง TBL Clinic
การเลือกสถานพยาบาลสำหรับฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ TBL Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกความงามที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง
เหตุผลที่ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับ TBL Clinic
- ฟิลเลอร์แท้ 100% ผ่านมาตรฐาน อย.
ที่ TBL Clinic ใช้ฟิลเลอร์จากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Juvederm, Restylane, Belotero ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย. ไทย, FDA สหรัฐอเมริกา และ CE Mark ยุโรป ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน และสามารถตรวจสอบเลข Lot ได้ - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ
ทีมแพทย์ของ TBL Clinic มีความเชี่ยวชาญด้าน การฉีดฟิลเลอร์ตามหลักกายวิภาค (Facial Anatomy) ทำให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ - มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
คลินิกมี เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ตามมาตรฐานทางการแพทย์ และใช้เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงของอาการแพ้และภาวะแทรกซ้อน
ติดตามผลหลังฉีด ดูแลอย่างใกล้ชิด ที่ TBL Clinic มีบริการ ติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อตรวจสอบว่าฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี ไม่มีผลข้างเคียง และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม